ความหมายของการขนส่งผู้โดยสาร การท่องเที่ยว
เป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยประจำไปยังแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมธรรมชาติและคุณค่าทางวัฒนธรรม ต้องอาศัยยานพาหนะในการขนส่งไปยังแหล่งท่องเที่ยวตามต้องการ
พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 อธิบายว่า…
• การขน หมายถึง การนำของมากๆจากที่หนึ่ง …ไปยังอีกที่หนึ่ง
• การส่ง หมายถึง การยื่นให้ถึงมือ พาไปให้ถึงที่…
• ดังนั้น การขนส่ง จึงหมายถึง การนำไปและนำมาซึ่งของมากๆ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
พระราชบัญญัติการขนส่ง 2497 มาตรา4
การขนส่ง หมายถึงการลำเลียง หรือการเคลื่อนย้ายบุคคล หรือสิ่งของด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งหมายถึงยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งรวมทั้งเครื่องทุ่นแรงต่างๆ
ความหมายตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์
การขนส่งเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งที่จัดให้มีการเคลื่อนย้ายคน สัตว์ และสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
**ดังนั้นการขนส่ง จึงหมายถึงการจัดให้มีการเคลื่อนย้าย บุคคล สัตว์ หรือสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งตามความประสงค์ของมนุษย์
ลักษณะของการขนส่งทั่วไป
-ถ้าเป็นการขนส่งคนเรียกว่า การขนส่งผู้โดยสาร
-ถ้าเป็นการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ เรียกว่า การขนส่งสินค้า
**ความหมายของการขนส่งผู้โดยสารคือ การจัดให้มีการเคลื่อนย้ายบุคคล ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การขนส่ง จากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ตามความประสงค์ของบุคคลนั้นๆ
ลักษณะสำคัญของการขนส่ง ๓ ประการ
เคลื่อนย้ายบุคคลจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
เคลื่อนย้ายตามความประสงค์ของบุคคล
เคลื่อนย้ายตามยานพาหนะ
ความสัมพันธ์ระหว่างการขนส่งกับการท่องเที่ยว
ความสัมพันธ์ระหว่างการขนส่งผู้โดยสารกับการท่องเที่ยว ๖ ประการ
๑.การขนส่งผู้โดยสารทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไป-กลับจากแหล่งท่องเที่ยวได้ เช่น การขนส่งผู้โดยสาร
ไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี
๒.การขนส่งผู้โดยสารทำให้เกิดการบริการที่สะดวกสบายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว
๓.การขนส่งผู้โดยสารกระตุ้นให้มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
-การท่องเที่ยวด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ
-กระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว
-กระตุ้นการพัฒนาเส้นทางคมนาคมและยานพาหนะ
๔.การขนส่งผู้โดยสาร เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ประสิทธิภาพของการขนส่งผู้โดยสาร
-ส่งเสริม อสก.ทท.ให้เติบโต -คุณภาพชีวิต
-สร้างงาน -สร้างอาชีพ
๕.การขนส่งผู้โดยสาร เป็นโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure)การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
๖.การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระตุ้นการพัฒนาการขนส่งผู้โดยสาร
*นักท่องเที่ยวเพิ่มปริมาณขึ้น *อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต *ความต้องการใช้บริการขนส่งเพิ่มขึ้น* กระตุ้นการพัฒนา
ระบบการขนส่งผู้โดยสาร
ศักยภาพของเครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร
มีส่วนทำให้เพิ่มหรือลดการเดินทางท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวต้องมีเครือข่ายมากพอและมีมาตรฐานในการรองรับ
-ถนนกว้าง -ที่จอดรถพอ
-ป้ายสื่อความหมาย -สัญญาณจราจร
เครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร
เครือข่ายการเดินทางทางอากาศและทางเรือ
ต้องใช้เส้นทางการบินหรือเพดานบินและร่องน้ำที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
-ป้องกันการชนกัน -ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
***ดังนั้น…ถนน รางรถไฟ ร่องน้ำและเส้นทางบิน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร
เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวกสบายเพียงใดในการเดินทางท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวใช้ระบบการขนส่งผู้โดยสารในท้องถิ่นด้วยจะช่วยเพิ่มความสะดวกมากขึ้น
*******************************************************************************
ลักษณะของการขนส่งผู้โดยสาร
มีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ
• เป็นกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายบุคคลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
• เป็นการเคลื่อนย้ายที่ต้องกระทำด้วยอุปกรณ์การขนส่งต่างๆ
• เป็นการเคลื่อนย้ายตามความประสงค์ของบุคคล เพื่อประโยชน์ของผู้ที่ต้องการได้รับบริการจากขนส่ง
หน้าที่ของการขนส่งผู้โดยสาร
• ผลิตบริการเพื่อบำบัดความต้องการของมนุษย์ในการเดินทางจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง เพื่อให้เกิดอรรถประโยชน์ด้านเวลาและสถานที่
• มิใช่เพื่ออรรถประโยชน์ด้านกายภาพ
• บางคนอาจเมารถ เมาเรือ เมาเครื่อง หรือปวดเมื่อย
ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสาร
การขนส่งผู้โดยสาร เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมการเดินทางของบุคคลจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งตามวัตถุประสงค์ของผู้เดินทาง เพื่อให้เกิดอรรถประโยชน์ด้านเวลาและสถานที่
ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสารต่อการพัฒนาประเทศ
การขนส่งเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐาน (Infrastructure) ที่ทำให้เกิดการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ
-เศรษฐกิจ -สังคม -การเมือง -การทหาร
**การขนส่งผู้โดยสารเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างคนในชาติเป็นกุญแจดอกสำคัญเปิดทางให้ประเทศชาติบรรลุถึงการพัฒนาและความมั่งคั่ง
ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสาร ด้านเศรษฐกิจ
• ทำให้นักธุรกิจสามารถเดินทางไป-มา เพื่อติดต่อค้าขายได้ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ การร่วมงานมหกรรมการแสดงสินค้า ก่อให้เกิดการค้าขาย
• ก่อให้เกิดรายได้มหาศาลแก่ประเทศ จากการนิยมเดินทางท่องเที่ยว การขนส่งช่วยขนส่งนักท่องเที่ยวไป Tourism destinations
• ทำให้เกิดรายได้แบบ multiplier effects
**Multiplier effects คือ อะไร ผลกระทบที่ตามมาอย่างมากมายมหาศาลทางด้านธุรกิจได้แก่ ค่าที่พักแรม ร้านอาหาร
ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสารทางเศรษฐกิจรูปแบบอื่นๆ
การขนส่งช่วยลดปัญหาการว่างงาน ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามภูมิภาค จากไหน….ไปไหน….
การขนส่งทำให้เกิดการลงทุน
การขนส่งผู้โดยสารทำให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ทำให้มีการร่วมมือลงทุนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ การขนส่งผู้โดยสารช่วยลดการขาดดุลการชำระเงินของประเทศ
-สายการบินนำนักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ
-การใช้สายการบินในประเทศเงินไม่รั่วออก
ความสำคัญของการขนส่ง ทางด้านสังคม
-การขยายตัวของเมืองการเดินทางสะดวกชุมชนขยายตัว
-มาตรฐานการศึกษาและการครองชีพดีขึ้น
-การเดินทางสะดวก ลดการแบ่งแยก ทางสังคมระหว่าง เมืองกับชนบท
ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสารด้านการเมือง
-ช่วยให้เกิดความสามัคคี /เข้าใจกันและกัน
-เพิ่มความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ
ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสารด้านการทหาร
-สนับสนุนการป้องกันประเทศ -ทำให้เกิดความมั่นคง
-เคลื่อนย้ายกำลัง/ เสบียงอาหาร -ส่งกำลังทหารไปปราบปราม
ปัญหาของการขนส่งผู้โดยสาร
-ก่อให้เกิดอากาศเป็นพิษ -ก่อให้เกิดน้ำเป็นพิษ
-ก่อให้เกิดเสียงรบกวน -ก่อให้เกิดการจราจรติดขัด
-ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ -ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการลงทุน
การขนส่งผู้โดยสารก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
-อุปกรณ์การขนส่งใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ก๊าซโซลีน และดีเซล Pollutant
สารตะกั่ว คาร์บอนมอนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ปนเปื้อนกับฝุ่นและ re-acted กับแสงอาทิตย์
แปรสภาพคล้ายหมอกควัน
-ป้องกันได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าและนิวเคลียร์
การขนส่งก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ
-ต้องมีการป้องกัน แก้ไขและควบคุม
-น้ำมันรั่วไหลปนเปื้อนลงน้ำทำให้น้ำเป็นพิษ การ recycle น้ำมันเครื่องช่วยได้มาก
การขนส่งผู้โดยสารก่อให้เกิดเสียงรบกวน
อุปกรณ์การขนส่งทำให้เกิดเสียงดังอึกทึก กระทบชุมชนใกล้สถานีขนส่งถนนหรือสนามบิน แก้ไขยากสิ้นเปลืองอาจได้ผลหรือไม่ได้ผลอาจต้องย้ายชุมชนออก
การขนส่งผู้โดยสารก่อให้เกิดการจราจรติดขัด
**การแก้ไข ทางอากาศ -แก้ไขตารางบิน -ปรับระบบเข้า-ออกairport
ทางบก -ใช้ระบบMTS.แทนPrt. Cars -สร้างที่จอดรถเพิ่ม(park &ride)
ทางน้ำ -----------------------------------
การขนส่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุ (ตลอดเวลา)
ปัญหาเกิดจาก ขาดความระมัดระวัง(ประมาท) รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดความรอบรู้
สาเหตุของอุบัติเหตุ สภาพการขนส่ง สภาพแวดล้อม ผู้ขับขี่
การขนส่งก่อให้เกิดปัญหาต่อการลงทุน
-ต้องใช้เงินมากเพื่อ -จ้าง/ ตอบแทนบุคลากรทางด้านธุรกิจขนส่ง
-จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ
การให้บริการขนส่งผู้โดยสาร
เมื่อการเดินทางมี ๓ รูปแบบ การขนส่งในเมือง ระหว่างเมือง ระหว่างประเทศ
การบริการขนส่งผู้โดยสาร ก็มี 3 รูปแบบ ดังนี้
๑.การให้บริการขนส่งผู้โดยสารในตัวเมือง
๒.การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมือง
๓.การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ
การให้บริการขนส่งผู้โดยสารในตัวเมือง หมายถึง ความพยายามในการจัดการขนส่งผู้โดยสารในชุมชนซึ่งอาจเป็นเทศบาลเมืองต่างๆหรือเมืองหลวง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม
แบ่งเป็น ๓ รูปแบบย่อย
-การขนส่งผู้โดยสารไป-กลับภายในตัวเมือง
-การขนส่งผู้โดยสารจากในเมือง ไปนอกเมือง
-การขนส่งผู้โดยสารจากนอกเมือง เข้าตัวเมือง
การขนส่งผู้โดยสารในตัวเมืองต้องมีกระบวนการเรียกว่า การสำรวจผู้โดยสาร(Passenger Survey)
-เพื่อศึกษาความต้องการใช้บริการการขนส่งสาธารณะ ขึ้นรถสายไหน ขึ้นรถเวลาใด ต่อรถที่ไหน
ในการสำรวจฯถือว่า “ขึ้นรถโดยสารแล้วลง ๑ ครั้ง”เรียกว่า “one passenger trip”
-เพื่อนำข้อมูลมาจัดเส้นทาง ตารางเดินรถและจำนวนรถให้เหมาะสม
สร้างระบบการขนส่งมวลชน(mass transit system)
**สร้างระบบการขนส่งมวลชนแบบ mass transit system ในเมืองเพราะ ขนส่งได้มากและรวดเร็ว มีทั้ง รถไฟฟ้าใต้ดิน รถรางไฟฟ้า รถไฟรางเดียว
การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมือง หมายถึง ความพยายามในการจัดการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองต่างๆให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม รถยนต์มีบทบาทสำคัญที่สุด รถไฟรองลงมา เครื่องบินมีบทบาทน้อย(แพง) เรือแทบไม่มีบทบาท(มักบริการด้านท่องเที่ยว)
การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ หมายถึง ความพยายามในการจัดการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพ มีการขนส่งทางเครื่องบิน ๙๐ % ทางเรือมีบทบาทรองลงมา ทางบกรถยนต์ รถไฟ น้อยที่สุด
ประเภทของการขนส่งผู้โดยสาร แบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้
• การขนส่งด้วยรถยนต์ -การขนส่งด้วยรถไฟ
• การขนส่งด้วยเรือ -การขนส่งด้วยเครื่องบิน
• ประเภทอื่นคานหาม เสลี่ยงกระเช้าไฟฟ้า
สรุป **
• การขนส่งผู้โดยสารช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว -เกิดการลงทุนด้านการท่องเที่ยว
• นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวอย่างสะดวก -เกิดการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
• สร้างรายได้ในท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับกระบวนการขนส่ง
รูปแบบการขนส่งผู้โดยสาร
การขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ หมายถึง การเคลื่อนย้ายบุคคลด้วยรถยนต์ซึ่งวิ่งบนท้องถนน
• ถนนกับรถยนต์จึงเป็นของคู่กัน -ที่ใดมีถนน ที่นั่นต้องมีรถยนต์
ถนนเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญเพราะเหตุใด?
• รัฐบาลทุ่มเงินจำนวนมากสร้างถนนเชื่อมโยงชุมชนต่างๆให้สามารถติดต่อกันได้
• เป็นการสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่น
ทำไมประชาชนจึงนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปสู่แหล่งท่องเที่ยวมากที่สุด?
-ประหยัด - เรือ เครื่องบิน หรือรถไฟเข้าไม่ถึงแหล่งท่องเที่ยว
-เข้าถึงจุดหมายปลายทางโดยตรง -รถยนต์คล่องตัวกว่า -สะดวกกว่าทางเรือเครื่องบิน รถไฟ
เหตุผลอื่นๆ
การขนส่งทางรถยนต์ไม่ต้องสร้างถนนเอง ไม่ต้องสร้างรางเองเหมือนรถไฟ ไม่ต้องสร้างสนามบินเอง ไม่ต้องสร้างท่าเรือเอง
วิวัฒนาการของการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์
-เดินเท้า ลัดเลาะเลี้ยงสัตว์ -ใช้สัตว์เป็นพาหนะ
-C.๑๕ ประดิษฐ์รถเทียมม้า วิ่งบนเส้นทาง -เครื่องจักรไอน้ำค.ศ.๑๗๗๖
วิวัฒนาการของถนน
-ทางเท้าสร้างพอผ่านได้ -บดหินหักเป็นผิวทาง -ขุดร่องข้างทางระบายน้ำ
หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
การขนส่งฯด้วยรถยนต์ก้าวหน้ามากขึ้น ถนน สะพานถือเป็นงานศิลปะ สะพาน Golden Gate สะพานพระราม ๙ ทางด่วนข้ามมหานคร มนุษย์จินตนาการสร้างรถทันสมัย จอภาพเห็นด้านหลัง Sensor ของเบรกอัตโนมัติเครื่องยนต์ เทอร์ไบน์ก๊าซเร็ว ไร้มลพิษตัวถังเบา ติดปีกทรงตัว
วิวัฒนาการเชื้อเพลิงน้ำมัน
• น้ำมันก๊าด -ธรรมชาติ
• ก๊าซโพรเพน -แอลกอฮอล์
• โซลาร์ -เซลล์ไฟฟ้า
ก๊าซจากอ่าวไทยและนำเข้าจากพม่า
• ผ่านกระบวนการแยกก๊าซที่โรงงาน เพื่อแยกก๊าซที่มีไฮโดรคาร์บอน ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปออก
• เหลือเฉพาะก๊าซที่มีคาร์บอน 1 ตัว เรียกว่าก๊าซมีเทน และส่งเข้าระบบท่อ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้าและใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
• บางส่วนใช้ในภาคขนส่ง โดยนำก๊าซธรรมชาติไปอัดใส่ถังด้วยความดันสูง และนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ NGV หรือ CNG
กระบวนการแยกก๊าซ
• สิ้นปี 2549 ปริมาณก๊าซที่นำขึ้นจากอ่าวไทย มีปริมาณวันละประมาณ 2,225 ล้านลูกบาศก์ฟุต
• ผ่านกระบวนการแยกก๊าซ C2 (อีเทน) C3 (โพรเพน) และ C4 (บิวเทน) ออกประมาณ 512 ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือร้อยละ 23
• ส่วนที่เหลือ(มีก๊าซมีเทนเป็นส่วนประกอบหลัก) ประมาณ 1,713 ล้านลูกบาศก์ฟุต จะถูกส่งกลับเข้าระบบท่อ
รถลากในประเทศไทย
• รถลาก/ รถเจ๊ก มีแต่คนจีนเป็นผู้มีอาชีพรับจ้างลาก เดิมเป็นของญี่ปุ่น
• ในรัชกาลที่ 4 นั้น พวกพ่อค้าสำเภานำมาน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงโปรดฯให้ซื้อเข้ามาพระราชทานเจ้านาย และขุนนางผู้ใหญ่บ้าง สั่งซื้อกันเองบ้าง ใช้เป็นพาหนะส่วนพระองค์และส่วนตัว
• เมื่อผู้คนนิยมกันมากขึ้น พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก) จึงตั้งโรงงานทำรถลากขึ้นในเมืองไทยโดยสั่งช่างมาจากเมืองจีน
• รถลากรับจ้างเริ่มมีบนถนนมากขึ้น จนกระทั่งจำเป็นต้องควบคุม รัชกาลที่5 จึงโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติรถลาก ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444) ขึ้น โดยมีพระราชปรารภว่า
• "กรุงเทพพระมหานครในทุกวันนี้ มีรถคนลากสำหรับรับจ้างคนโดยสาร และรับบรรทุกของเดินในถนนหนทางทวียิ่งขึ้นเป็นอันมาก แต่รถที่ใช้นั้นไม่แข็งแรงมั่นคง แลไม่มีสิ่งที่สำหรับป้องกันอันตรายของผู้โดยสาร กับทั้งไม่สะอาดเรียบร้อยตลอดไปจนคนลากรถด้วย ย่อมเป็นที่รังเกียจรำคาญแก่ผู้ที่จะใช้รถ หรือผู้เดินทางในท้องถนนร่วมกัน อีกประการหนึ่ง คนที่ลากรถนั้น บางทีรับคนโดยสารหรือรับบรรทุกสิ่งของที่มากหรือหนักเกินกำลังรถที่จะพาไปได้ จนเป็นเหตุเกิดอันตรายแก่คนโดยสารแลคนเดินทางกับทั้งรถ แลไม่เป็นความเรียบร้อยในท้องถนนอีกด้วย"
• พระราชบัญญัติรถลาก ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444) บังคับให้ต้องจดทะเบียนรถ และต้องนำรถมาตรวจสภาพต่อเจ้าพนักงานจดทะเบียน หลังจดทะเบียนแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เลขหมายติดรถ และให้เครื่องหมายที่มีเลขตรงกันกับทะเบียนรถให้คนลากติดหน้าอกไว้ให้ตรงกัน บังคับให้จุดโคมไฟเวลากลางคืน และยังมีข้อบังคับปลีกย่อยอีกหลายข้อ เช่นห้ามบรรทุกศพคน ให้จอดพักรถตามที่พนักงานกำหนดไว้เท่านั้น ฯลฯ
• รถลากหรือรถเจ๊กนี้ วิ่งในถนนตั้งแต่ พ.ศ. 2417เลิกใช้ตามกฎหมาย เมื่อ พ.ศ. 2478 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
**ประวัติการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ในประเทศไทย
-สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กราบทูล สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
-รถยนต์คันแรกในไทยเจ้าพระยา สุรศักดิ์มนตรี
-พ.ศ.๒๔๔๗ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสด็จฯปารีส ทรงสั่งซื้อรถเก๋งยี่ห้อเมอร์ซิเดส เดมเลอร์
ของเยอรมนี ๑ คัน ทูลเกล้าฯถวายรัชกาลที่๕ เป็นรถยนต์พระที่นั่งคันรก
**-ร.๕ ทรงเห็นประโยชน์ของรถยนต์(เร็ว/ สบาย)มีถนนในกรุงเทพฯมากแล้วโปรดฯให้กรมหลวงราชบุรีฯซื้ออีก ๑๐ คันแจกเจ้านายและขุนนางในวันเฉลิมพระชนมพรรษา(๒๔๔๗)
พระราชบัญญัติรถยนต์ฉบับแรก
• ผู้มีฐานะดีสั่งซื้อรถยนต์ตามพระราชนิยม
• แปลกและดีกว่า รวดเร็วกว่า รถราง รถม้า รถลาก
• เริ่มมีรถยนต์เพื่อบริการขนส่งผู้โดยสารขึ้นในประเทศไทย
• ถนนที่เคยกว้างขวางก็ดูแคบลง เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
• ตราพระราชบัญญัติรถยนต์ฉบับแรก บังคับใช้ เมื่อ ๑ เมษายน ๒๔๔๙ (ปีใหม่)
• รถเมล์ประจำทางที่มีใช้กำลังม้าลากจูงแทน ไม่ต้องอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิง
• พระยาภักดี นรเศรษฐ (นายเลิศ เศรษฐบุตร) ริเริ่มกิจการรถเมล์
• พ.ศ. 2456 พระยาภักดีฯนำรถยนต์ฟอร์ดวิ่งแทนรถเดิม
• มีที่นั่ง 2 แถว ทาสีขาว มีกากบาทสีแดง นั่งประมาณ 10 คน
• คนทั่วไปเรียกว่าอ้ายโกร่ง ตอนวิ่งมีเสียงดังโกร่งกร่าง
พัฒนาการของรถโดยสาร (รถเมล์) เรียก “รถเมล์” เพราะมี “เรือเมล์”
• พ.ศ.๒๔๖๗ มีรับจ้าง(แท็กซี่) เป็นครั้งแรกโดยพระยาเทพหัศดินทร์ให้บุตรหลานนำรถยนต์ออกมาวิ่งรับจ้าง ติดป้ายรับจ้างหน้าและหลัง
• เรียกว่า “รถไมล์”เพราะคิดราคาเป็นไมล์
ความได้เปรียบเสียเปรียบของการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์
-ผู้โดยสารมีโอกาสเลือกได้มากขึ้น
-หน่วยของกิจการมีขนาดเล็กมากเทียบกับการขนส่งด้านอื่น ลงทุนน้อย รัฐสร้างถนนให้ ออกรถให้บริการได้
-ขยายธุรกิจได้เร็วไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ
-ดำเนินการแบบผู้ประกอบการรายย่อยได้ตามความพอใจคล่องตัว เร็ว
-เป็นการขนส่งแบบAlternative Supplying อย่างเหมาะสม
-เร็ว คล่อง ไปไหนมาไหนตามต้องการได้สะดวก ไม่มี Time table
-เลิกกิจการได้ง่ายเสียหายน้อย ขายง่ายเพราะมีต้นทุนคงที่(fixed cost) ต่ำ ต้นทุนขนส่งระยะใกล้ต่ำ
-Door to Door Service
ต้นทุนคงที่ ( Fixed costs )
1. เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ผันแปรไปตามจำนวนหน่วยผลิตหรือขาย
2. ทำให้ต้นทุนคงที่รวมคงที่ตลอดเวลา
**แต่ต้นทุนคงที่ต่อหน่วย เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าเช่า เงินเดือน ภาษีทรัพย์สิน เป็นต้น จะลดลง ถ้าปริมาณการผลิตหรือขายสูงขึ้น
ต้นทุนผันแปร ( Variable costs )
เป็นค่าใช้จ่ายที่ผันแปรไปตามจำนวนหน่วยผลิตหรือขายถ้าปริมาณการผลิตหรือขายมากต้นทุนผันแปรจะมาก
แต่ถ้าปริมาณการผลิตหรือขายน้อยต้นทุนผันแปรจะน้อย
**ต้นทุนผันแปรรวม จะเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการผลิตหรือขาย แต่ต้นทุนผันแปรต่อหน่วยจะคงที่
เช่น ค่าวัตถุดิบ/ค่าแรง/ค่านายหน้า
ความเสียเปรียบของการขนส่งผู้โดยสารทางรถยนต์
องค์ประกอบของการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์
-ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถยนต์ -สถานีขนส่งผู้โดยสาร
-ผู้โดยสาร -เส้นทางถนน
๑. ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ Carriers
ผู้ผลิตบริการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ (บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล) สนองความต้องการผู้ใช้บริการ เพื่อบำเหน็จทางการค้า
Public Carriers ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์สาธารณะตั้งแต่ ๗ ที่นั่ง หรือเกิน ๗ ที่นั่ง ทั้งประจำเส้นทาง/ ไม่ประจำเส้นทาง เพื่อสินจ้าง
Contract Carriers ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ตามสัญญาเพื่อสินจ้าง ภายใต้สัญญาเช่าเหมากับบุคคลหนึ่งโดยมีวัตถุประสงค์จะให้บริการตามสัญญาในระยะเวลาอันต่อเนื่อง เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
Private Carriers ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อกิจการของตนเอง มีรถยนต์ใช้ขนส่งผู้โดยสารของตนเอง เช่น บริษัทการบินไทย มธบ. ฯลฯ
๒.รถยนต์โดยสาร
เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร
รถโดยสารชั้นเดียว เน้นความสะดวกสบาย
รถโดยสารสองชั้น ทางไกลต้องมี
-ห้องน้ำ -เครื่องปรับอากาศ
รถยนต์โดยสารมี ๓ ประเภท
รถยนต์โดยสารสาธารณะ รถประจำทาง bus Local &tourist รถแท็กซี่สะดวกค่อนข้างแพงต้องควบคุม
รถยนต์บริการ รถเช่า rental car รถทัวร์เช่าเหมา charter coach tour รถรับส่งที่สนามบิน limousine(transfer)
รถยนต์โดยสารส่วนบุคคล นิยมมากป้ายดำขาวน้ำเงิน รถทะเบียนกองทัพ
ข้อสังเกตความนิยมในการใช้รถส่วนบุคคลมีเหตุผลสำคัญ 5 ประการคือ
-ควบคุมการเดินทางท่องเที่ยวได้ -จะออกเดินทาง หยุดพัก แวะที่ใดก็ได้
-นำสัมภาระติดตัวไปได้มาก -ประหยัดค่าใช้จ่ายถ้าเดินทาง 2 คนขึ้นไป
-สามารถใช้รถต่อได้ หลังจากถึงที่หมายแล้ว
รถโดยสารสมัยหลังสงครามโลก ดัดแปลงต่อกระบะท้ายให้นั่งได้ บรรทุกของบนหลังคาก็ได้ ป้ายหน้ารถเป็นรถประจำทางวิ่งระหว่างบ้านโป่ง - โพธาราม - ราชบุรี แต่คงถูกเหมาไปในงานดูจากมีธงโบกนำหน้า
เส้นทางถนนแบ่งได้ 5 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน
· ถนนในท้องถิ่น ถนนระหว่างท้องถิ่น ถนนระหว่างประเทศ
· ถนนพิเศษ ถนนวงแหวน
ทางหลวงในประเทศไทย 7 ประเภท
· ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงจังหวัด
· ทางหลวงสัมปทาน ทางหลวงแผ่นดิน
· ทางหลวงชนบท ทางหลวงเทศบาล
· ทางหลวงสุขาภิบาล
**ทางหลวงสายหลัก
· ทางหลวงหมายเลข 1 (สายเหนือ) ชื่อถนนพหลโยธิน (เดิมชื่อ ถ.ประชาธิปไตย) จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-เชียงราย ( 845 ก.ม.)
· ทางหลวงหมายเลข 2 (สายตะวันออกเฉียงเหนือ) ชื่อถนนมิตรภาพ (แยกจากทางหลวงสายที่ 1 ที่สระบุรี) ถึงหนองคาย ( 408 ก.ม.)
· ทางหลวงหมายเลข 3 (สายตะวันออก) ชื่อถนนสุขุมวิท จากกรุงเทพฯ-ตราด ( 315 ก.ม.)
· ทางหลวงหมายเลข 4 (สายใต้) ชื่อถนนเพชรเกษมจากกรุงเทพฯ-อ.สะเดา จ.สงขลา( 1,305 ก.ม.)
ทางหลวงสายรอง ซึ่งตัดเชื่อมกับทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงใช้ตัวเลข 3 ตัว
· ขึ้นต้นด้วยเลข 1 เป็นทางหลวงสายรองอยู่ทางภาคเหนือ (106 เชียงใหม่-ลำพูน)
· ขึ้นต้นด้วยเลข 2 เป็นทางหลวงสายรองอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (212 หนองคาย-อุบล)
· ขึ้นต้นด้วยเลข 3 เป็นทางหลวงสายรองอยู่ทางภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก (309 สายวังน้อย-สิงห์บุรี)
· ขึ้นต้นด้วยเลข 4 เป็นทางหลวงสายรองอยู่ทางภาคใต้ (401 สายตะกั่วป่า-นครศรีธรรมราช)
ทางหลวงจังหวัด ใช้ตัวเลข 4 หลัก
· ขึ้นต้นด้วยเลข 1 เป็นทางหลวงจังหวัดอยู่ทางภาคเหนือ (1004 เชียงใหม่-ดอยสุเทพ-ดอยปุย)
· ขึ้นต้นด้วยเลข 2 เป็นทางหลวงจังหวัดอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (2078 สุรินทร์-กระสัง)
· ขึ้นต้นด้วยเลข 3 เป็นทางหลวงจังหวัดอยู่ทางภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก (3049 สายนครนายก-เขาใหญ่)
· ขึ้นต้นด้วยเลข 4 เป็นทางหลวงจังหวัดอยู่ทางภาคใต้ (4054 สายสะเดา-ปาดังเบซา)
ทางหลวงสายเอเชีย
· ยาวประมาณ 65,000 ก.ม. (15 ประเทศในเอเชียร่วมมือกันเมื่อปี 2502)
· ภายใต้การดำเนินงานของ ESCAP (คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก)
· จากตุรกี-เวียดนามตอนบน – อินโดนีเซียตอนล่าง
ทางสายเอเชียที่ผ่านไทย
สาย A1 พม่า-แม่สอด-ตาก-กำแพงเพชร-อยุธยา-นครนายก-สระแก้ว-กัมพูชา-โฮจิมินท์ซิตี้
สายA2 พม่า-แม่สาย-ตาก(บรรจบกับ ถ.พหลโยธินที่ตาก)-กรุงเทพ-อ.สะเดา จ.สงขลา-สิงคโปร์-อินโดนีเซีย
สถานีขนส่ง (Bus Terminal) มีหน้าที่สำคัญอยู่ 4 ประการ ดังนี้
· เป็นสถานที่สำหรับขึ้น-ลงรถโดยสาร
· เป็นสถานที่เชื่อมโยงเครือข่ายรถต่างๆ
· เป็นสถานที่รวมปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการขนส่ง
· เป็นสถานที่ให้รถยนต์โดยสารเข้าไปใช้จอดเพื่อรับผู้โดยสาร หรือทางเทคนิคอื่นๆ เป็นต้น
การให้บริการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถยนต์
• การขนส่งผู้โดยสารในตัวเมือง จำแนกเป็น รถเมล์ธรรมดา รถเมล์ด่วน รถเมล์ปรับอากาศ รถเมล์ทางด่วน รถเมล์กะสว่าง รถมินิบัส รถเมล์สองชั้น รถเมล์ปรับอากาศไมโครบัส
• การขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมือง จำแนกเป็น รถโดยสารมาตรฐาน ๓ รถโดยสารมาตรฐาน ๒ รถโดยสารมาตรฐาน ๑ รถโดยสารมาตรฐานพิเศษ
• การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ เป็นโครงการในอนาคตสำหรับเส้นทางสายเอเชียที่ตัดผ่านประเทศไทย
Green Bus กรณีศึกษาการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเชียงราย –หลวงพระบาง
• บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด เจ้าของ นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการ
• ขยายธุรกิจข้ามพรมแดนครั้งแรกด้วยรถเมล์เขียว ( Green Bus ) เส้นทางห้วยทราย-หลวงพระบาง (30กย.2009)
กรณีศึกษาองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขส.มก.)
• ดูแลและรับผิดชอบการให้บริการรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง
• ประกอบการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบการขนส่งบุคคล
• ควบคุมและดูแลผู้ประกอบการเดินรถเอกชนที่ให้บริการรถโดยสารขนาดใหญ่ (ธรรมดาและรถปรับอากาศ) รถมินิบัสรถในซอย และรถตู้โดยสารปรับอากาศ
กรณีศึกษาบริษัทนครชัยแอร์ (มาคู่นั่งคู่มาเดี่ยวนั่งเดี่ยว)
v ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2529 (ค.ศ.1986)
v เริ่มเปิดเส้นทางการเดินรถจำนวน2เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-ขอนแก่นและกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี
v ปี พ.ศ. 2530 เป็นบริษัทแรกที่ได้เริ่มนำคำว่า "รถนอนพิเศษ" มาใช้
v กลยุทธ์เพิ่มพื้นที่ระหว่างที่นั่งและลดจำนวนที่นั่งจาก 42 ที่นั่งเหลือเพียง 32 ที่นั่ง
v พ.ศ. 2531 นครชัยแอร์ ขยายการบริการอีก 4 เส้นทาง คือ อุบลราชธานี - เชียงใหม่ /อุบลราชธานี-ระยอง /เชียงใหม่-ระยอง / พัทยา-แม่สาย
พ.ศ.2535 เริ่มเปิดให้บริการสำรองที่นั่งและจำหน่ายตั๋วด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นบริษัทแรก
• พ.ศ. 2541 ขยายเส้นทางเพิ่ม 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพ - เชียงใหม่
• พ.ศ. 2547 ขยายเส้นทางเพิ่มขึ้นอีก 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ - ระยอง
• พ.ศ.๒๕๔๗ เปิดบริการรถทัศนาจรมาตรฐานระดับ 5 ดาว (รับรองโดยกรมการขนส่งทางบก, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว, และสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร)
ปัจจุบัน บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด มีรถโดยสารให้บริการกว่า 180 คัน มีจำนวนเที่ยววิ่งให้บริการประมาณ 170 เที่ยวต่อวันมีพนักงานทั้งหมดประมาณ 1,200 คน มีเครือข่ายการเดินรถผ่านกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
การบริการของบริษัท
-รถนอนปรับอากาศพิเศษ (วี.ไอ.พี) -รถปรับอากาศชั้นสอง (ป.2)
-รถปรับอากาศชั้นหนึ่ง (ป.1) -บริการรับฝากของ
-บริการสื่อโฆษณา -บริการรถเช่าเหมาลำ
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
§ มาตรฐานของสถานีเดินรถ
§ มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม
§ มาตรฐานการจัดระเบียบบนรถ
**สรุป
· การขนส่งผู้โดยสารทางรถยนต์มีวิวัฒนาการมาจากการเดินเท้าและการใช้สัตว์เป็นพาหนะเดินทางไปยังที่ต่างๆ
· ต่อมามีการประดิษฐ์รถยนต์โดยสารที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทำให้การเดินทางท่องเที่ยวได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
· องค์ประกอบการขนส่งฯมี 4 องค์ประกอบคือ 1.ผู้ประกอบการ 2. รถยนต์ 3. เส้นทางถนน 4. สถานีขนส่ง
**************************************************************************************************************************
เรื่อง การขนส่งผู้โดยสารทางรถไฟ
การขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ หมายถึง การเคลื่อนย้ายบุคคลด้วยตู้รถไฟต่อกันเป็นขบวนวิ่งไปบนรางเฉพาะตามเส้นทาง
คุณลักษณะของรางรถไฟ(ไทย) เหล็กกล้าวางเป็นราง
-รองด้วยหมอนไม้/ คอนกรีต กว้าง ๑ เมตร -ผิวหน้ารางแข็งลื่นมีความต้านทานน้อย
-เคลื่อนที่ได้ด้วยแรงลากจูงเพียงเล็กน้อย -รางกว้าง 1 เมตร ปกติวิ่งได้เร็ว 90 กม/ชม.
-เก่าของรถ+ ราง 60 กม./ ชม.
ข้อจำกัดของการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ
-ขาดความคล่องตัวกว่ารถยนต์ โครงข่ายน้อย No Door to door Service
-ลงทุนสูง ลงทุนเองเส้นทาง สถานี สะพาน อุโมงค์อาณัติสัญญาณ โทรคมนาคมโรงซ่อมบำรุงรายทางฯลฯ
โอกาส
-ขนส่งผู้โดยสารได้มาก
-ฤดูท่องเที่ยวเพิ่มเที่ยวการเดินรถสะดวกทั้งการกินนอน สุขาการให้บริการแบ่งเป็นชั้น๑ ชั้น๒ ชั้น๓
-มีบทบาทต่อการท่องเที่ยวระหว่างเมือง
-ต้นทุนต่อหน่วยผลิตบริการลดลงเมื่อมีผู้ใช้บริการมากสามารถจองตั๋วล่วงหน้า
วิวัฒนาการการขนส่งทางรถไฟ
**เริ่มต้นในประเทศอังกฤษ คศ.1830(๒๓๗๓) ให้เริ่มการระหว่างเมือง Manchester-Liverpool ระยะทาง 44 กม. ความเร็ว 26 กม./ชม.
การนำเที่ยวด้วยรถไฟ
บ.Thomas Cook จัดนำเที่ยวทางรถไฟ ค.ศ.1841 (๒๓๘๔)ระหว่างเมือง Leicester-Loughborough มีนักท่องเที่ยว 570 คน เสียค่าใช้จ่าย 1 ชิลลิง/คนค.ศ.1855 (๒๓๙๘)บ.ThomasCook จัดนำเที่ยวทางรถไฟไป Paris ชมงานWorld Expo.ค.ศ.1856(๒๓๙๙) บ.Thomas Cook จัด A Great Circular Tour of the Continent ทางรถไฟไปยุโรปอีก ๒-๓ ปี ต่อมาก็จัดบริการนำเที่ยวยุโรปอย่างต่อเนื่อง
วิวัฒนาการของการรถไฟนอกประเทศอังกฤษ
ให้บริการครั้งแรกใน ประเทศ Austria เมื่อ คศ.1832(๒๓๗๕) เรียกว่า สาย Transcontinental USA เริ่มเดินรถไฟครั้งแรกหว่างเมือง Chicago และ San Francisco ในปีคศ. 1896(๒๔๑๒)
**“The Orient Express” หรูหรา ที่สุดในโลก?
-เริ่มให้บริการในปี ค.ศ. 1883 (๒๔๒๖)
-ค.ศ. 1889 (๒๔๓๒) “The Orient Express” เปิดให้บริการระหว่าง Istanbul-Paris ระยะทาง 3,186 กม. ใช้เวลาในการเดินทางรวม 67 ชม. 35นาที
-ปิดตัวค.ศ.๑๙๗๗(๒๕๒๐)
มีการฟื้นฟูบริการของรถไฟ “The Orient Expressอีกครั้งใน ค.ศ. 1987(๒๕๓๐)วิ่งระหว่างเมือง Calais(ฝรั่งเศส)-Venice(อิตาลี)มีทั้งหมด 31 โบกี้
พัฒนาการการใช้พลังงานขับเคลื่อนการขนส่งทางรถไฟ
-ระยะแรกใช้พลังงานไอน้ำ ก่อนพัฒนาไปใช้ไฟฟ้าและดีเซลและกังหันไอพ่น
-ในศตวรรษที่ 20 บทบาทเครื่องจักรไอน้ำในการขับเคลื่อนสิ้นสุดลง หันมาใช้ไฟฟ้าแทน ไฟฟ้า สตาร์ท ติดง่ายแรงกว่าเมื่อใช้เครื่องยนต์ขนาดเท่ากัน เครื่องจักรไอน้ำ ควัน มลพิษสูง ช้า เปลืองทรัพยากรธรรมชาติ
-USA นิยมใช้รถไฟขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล๙๕ % เครื่องยนต์ดีเซลให้พลังงานมากกว่าเครื่องจักรไอน้ำ ๓ เท่า รางกว้าง 1.453 เมตร ความเร็ว 160 กม./ ชม.
รถไฟกังหันไอพ่นความเร็วสูง
ยุโรป เอเชีย อเมริกา นิยมใช้กังหันไอพ่นขับเคลื่อนรถไฟความเร็วสูง ๑๙๙๑ ชาวญี่ปุ่น เดินทางด้วยรถไฟกังหันไอพ่น
จุดเด่นของการโดยสารรถไฟเปรียบเทียบ Cars & Plains
-ชมทิวทัศน์ชัดกว่า -พื้นที่กว้างขวาง
ที่นอนสบายกว่า -ประทับใจมีObservation car กระจกรูปโดมได้ทำความรู้จักกัน
ความตกต่ำของธุรกิจการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ เกิดจาก......? หลังค.ศ.1950 ใน USA การโดยสารรถไฟ เสื่อมความนิยม ผู้คนหันไปใช้บริการรถยนต์ / เครื่องบินแทน France+ Japan พัฒนา High-Speed Train ทำให้ได้รับความนิยมมาTGV (๑๗๐ ไมล์/ ชม.) แล่นถึงแหล่งท่องเที่ยว ในToulon, French Rivera และ Lauzanne ของ Switzerland
การพัฒนาการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟในประเทศญี่ปุ่น
รถไฟชินกังเซ็น(๑๕๐ ไมล์/ ชม) ยังมี Supper train หรือbullet train(รถไฟหัวกระสุน) ๑๘๕ ไมล์/ ชม(๕๐๐ กม/ ชม.)ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติญี่ปุ่นกำลังทดลองรถไฟฟ้าแม่เหล็ก(Maglev) เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ขับเคลื่อนด้วยแรงแม่เหล็ก ลอยเหนือรางไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแรงเสียดทานและไม่ต้องการการบำรุงรักษา
การจัดกลุ่มรถไฟตามความเร็วมี ๓ กลุ่ม
-กลุ่มที่วิ่งเร็วประมาณ 100 กม./ชม. เป็นรถจักรดีเซลและดีเซลราง ขับเคลื่อนด้วยดีเซลใช้ในไทยและอีกหลายประเทศ
-ใช้เครื่องยนต์ดีเซลวิ่งเร็ว140-180 กม./ชม. ไม่ใช้ไฟฟ้า จัดเป็นรถไฟความเร็วสูง(High Speed Train) พ.ศ.๒๕๓๑ ฝรั่งเศสนำรถไฟ ๒ ชั้นมาให้บริการ(Double Decker Cars)ประเทศในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลียและจีนใช้ตาม ความจุเพิ่มเป็น ๒ เท่า
-กลุ่มที่วิ่งเร็วกว่า๒๐๐ กมต่อชม.ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า Bullet Trains Shinkansen บุกเบิกTGV พัฒนาความเร็วที่สุดเหนือกว่า
พัฒนาการรถไฟในประเทศไทย
แรงบันดาลใจที่ต้องการให้มีรถไฟเกิดขึ้นในสมัย ร. 4 เมื่อ Queen Victoria ของอังกฤษ ส่งรถไฟย่อส่วนให้เซอร์ จอห์น บาวริ่งนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายในปี พ.ศ. 2398
การขนส่งทางรถไฟ
การริเริ่มขนส่งผู้โดยสารเกิดขึ้นในสมัย ร. 5 เมื่อมีการสำรวจเพื่อก่อสร้าง ทางรถไฟปี พ.ศ. 2430 จากกรุงเทพฯไป เชียงใหม่ แล้วแยกไปจังหวัดสำคัญทางเหนือและอีสาน
การสถาปนากรมรถไฟ
-ต.ค.๒๔๓๓ ร.5 สถาปนากรมรถไฟ (กระทรวงโยธาฯ)
-พ.ศ. 2433-2443 สร้างทางรถไฟสายแรกระหว่าง กรุงเทพฯ-โคราช
-๒๖๕กม. สร้างเป็นระยะๆ ทีละช่วงๆ
-ผู้รับเหมาคนแรกคือ G. Murphy Campbellชาวอังกฤษ
-เสด็จฯเปิดสายแรก กรุงเทพ.-อยุธยา๒๖ มี.ค. ๒๔๓๙(๗๘กม.) ทรงวางฤกษ์๙ มี.ค.๒๔๓๔ วันรถไฟไทย
กรมรถไฟพัฒนาเป็นกรมรถไฟหลวง
· ๕ มิ.ย.๒๔๖๗ ร. 6 ยกฐานะกรมรถไฟเป็น กรมรถไฟหลวง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงเป็นผู้บัญชาการรถไฟหลวงพระองค์แรก
· พ.ศ. 2494 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ยกฐานะกรมรถไฟหลวงเป็น การรถไฟแห่งประเทศไทย พลเอกจรูญ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ เป็นผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยคนแรก
· มีพนักงานรถไฟไทยไม่น้อยกว่า 21,679คน มีสถานีรถไฟ 433 แห่ง
· ที่หยุดรถ๑๖๓ แห่ง ป้ายหยุดรถ ๕๓ แห่ง
ทางรถไฟในไทย
-เปิดการเดินรถแล้วรวมทั้งสิ้น 4,346 กิโลเมตร
-ร.๕ เปิดเดินรถ๗๗๔ก.ม./ หรือ๙๓๒ ก.ม. -ร.๖๑,๘๐๔ ก.ม.
-ร.๗ ๔๑๘ ก.ม. -ร.๘ ๒๕๙ก.ม.
ข้อได้เปรียบการโดยสารทางรถไฟ
· เหมาะสำหรับการขนส่งระยะปานกลางและไกลต้นทุนคงที่ค่าเชื้อเพลิงต่อหน่วยการขนส่งต่ำ
· บรรทุกได้มาก
· ปรับตัวตามปริมาณการขนส่งได้ง่าย(เพิ่ม/ ลดตู้)
· ปลอดภัยสูง ทางวิ่งของตนเอง
· สะดวกสบายระหว่างการขนส่ง(ไม่ขรุขระ)
เสียเปรียบในการโดยสารทางรถไฟ
· ลงทุนมาก
· ขาดความคล่องตัวในการบริการ
· การขนส่งระยะใกล้ มีต้นทุนสูง
· ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางในการให้บริการได้ แม้จะประสบสภาวะขาดทุน
· หากเลิกกิจการจะเสียหายมาก ขายอุปกรณ์ออกยาก ขายขาดทุน
องค์ประกอบการขนส่งทางรถไฟ
๑.ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตบริการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ ตอบสนองผู้ใช้บริการเพื่อบำเหน็จทางการค้า แบ่งเป็น ภาครัฐบาล เป็นเจ้าของและลงทุนและภาคเอกชนรัฐอนุญาตให้เอกชนลงทุน
๒.ขบวนรถไฟ ยานพาหนะที่ใช้ขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟประกอบด้วยหัวรถจักรและตู้โดยสา หัวรถลากจูงมี 3 ประเภท คือ
-หัวรถจักรไอน้ำ มีหม้อน้ำและเรือนไฟ ต้มน้ำเป็นไอ ขยายตัวดันลูกสูบให้เดินหน้าและถอยหลังในลูกสูบ การ เคลื่อนที่ของลูกสูบจะหมุนล้อรถจักร
-หัวรถจักรไฟฟ้า ใช้พลังไฟฟ้าจากเสาด้านบนหรือรางที่สวมข้างๆ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหลายตัว มีแรงสูง เบา ไม่ต้องบรรทุกน้ำและเชื้อเพลิง หยุดง่าย ควบคุมง่าย ออกตัวดี ไม่มีมลพิษ
-หัวรถจักรดีเซล ใช้เครื่องยนต์แบบรถยนต์ ใช้น้ำมันดีเซล แรงสู้หัวจักรไฟฟ้าไม่ได้ ไม่ต้องใช้สายไฟหรือรางพิเศษ ควันไม่มาก หัวจักรดีเซลแบ่งเป็น 1.หัวจักรดีเชลไฟฟ้า 2.หัวจักรดีเซลเครื่องกล 3.หัวจักรดีเซลไฮโดรลิค
ขบวนรถไฟโดยสารไม้…เหล็กหรืออลูมิเนียม
-.ขบวนรถธรรมดา (Ordinary Train) จอดทุกสถานี ไม่เสียค่าธรรมเนียม ต้องหลีกทางให้ใคร
-ขบวนรถเร็ว (Rapid Train) จอดบางสถานี เสียค่าโดยสาร+บวกค่าธรรมเนียม หลีกทางรถด่วน
-ขบวนรถด่วน (Express Train) จอดน้อยกว่ารถเร็ว เสียค่าธรรมเนียมรถด่วน
๓.เส้นทางรถไฟ แบ่งได้ 2 ระบบแต่ละภูมิภาคสั้น-ยาวไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความต้องการทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคม
-ระบบทางเดียว (Single Line) เป็นระบบที่รถไฟวิ่งได้ขบวนเดียว สวนทางกันไม่ได้ ต้องหยุดรอ
-ระบบทางคู่ขนาน (Double Line) เป็นทางรถไฟที่สร้างคู่ขนานกัน สวนกันได้ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูง
๔.สถานีรถไฟ สถานที่สำหรับให้ขบวนรถไฟเข้าจอดรับผู้โดยสาร และสับหลีกกันแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
-สถานีต้นทางปลายทาง สถานีต้นทางหรือปลายทางของเส้นทางที่กำหนดให้
-สถานีชุมทาง สถานีที่มีเส้นทางรถไฟหลายเส้นทางมาบรรจบกัน เพื่อให้สามารถต่อไปเส้นทางอื่นได้
-สถานีรายทาง สถานีระหว่างเส้นทางที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ
การให้บริการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟ
-ผูกขาดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รัฐวิสาหกิจ)
-รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้โดยสารแบบผูกขาดทั่วราชอาณาจักร
-ให้บริการระหว่างเมืองจากกรุงเทพฯสู่จังหวัดต่างๆตามเส้นทางที่กำหนด
การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมือง
-สายเหนือ -สายตะวันออก/เหนือ -สายตะวันออก
-สายตะวันตก -สายใต้ -สายแม่กลอง
เส้นทางรถไฟ
การให้บริการผู้โดยสารด้วยรถไฟระหว่างเมือง
สายเหนือ (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 751 กม.) เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ – ชุมทางบ้านภาชี (อยุธยา) - เชียงใหม่
สายตะวันออกเฉียงเหนือ แยกออกเป็น 2 สาย -สายที่ 1 กรุงเทพฯ-(ชุมทางถนนจิระ)โคราช-อุบลราชธานี 575 กม.
-สายที่ 2 กรุงเทพฯ-(ชุมทางถนนจิระ)โคราช-หนองคาย (624 กม.)
สายตะวันออก จากกรุงเทพฯ – อรัญประเทศ ( 255 กม.)
สายใต้ แยกออกเป็น 2 สาย -สายที่ 1 กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์(990 กม.
-สายที่ 2 กรุงเทพฯ-ชุมทางหาดใหญ่- สุไหงโกลก ( 1,159 กม.
สายตะวันตก แยกเป็น 2 สายได้แก่ -สายที่ 1 กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี(ระยะทาง 157กม.)
-สายที่ 2 กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี (ระยะทาง 210 กม.)
สายแม่กลองจากวงเวียนใหญ่-มหาชัย-แม่กลอง 60 กม.
รูปแบบการให้บริการผู้โดยสารด้วยรถไฟระหว่างเมือง
ขบวนรถด่วน (Express Train) บริการเฉพาะชั้น 1 และชั้น 2 (บางขบวนอาจมีชั้น 3 ได้)
ขบวนรถเร็ว (Rapid Train) บริการ ชั้น 2 และชั้น 3 ส่วนชั้น 1 ไม่เป็นที่นิยมนัก
ขบวนรถธรรมดา (Ordinary Train) บริการ ชั้น 3 เท่านั้น
ขบวนรถดีเซลราง (เรียกอีกชื่อว่า รถโบกี้กลไฟ) เป็นขบวนรถที่ขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องใช้หัวรถจักรลากจูง
การขนส่งผู้โดยสารในกรุงเทพฯด้วยรถไฟฟ้า
รถไฟฟ้าลอยฟ้า Sky Train บ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ จ.ก.(มหาชน) (BTS-Bangkok Mass Transit System)
รถไฟฟ้าใต้ดิน Underground Train บ.รถไฟฟ้ากรุงเทพฯจำกัด (มหาชน) (BMCL-Bangkok Metro Public Company Ltd.)
รถไฟฟ้าแบบลอยฟ้า
เริ่มบริการ 5 ธ.ค. 2542 เปิดเป็นทางการเมื่อ 21 ก.พ. 2543 มี 2 เส้นทาง
1.สายสุขุมวิท (รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6รอบ สายที่1) เริ่มจาก ถ.สุขุมวิท ซอย 81 (อ่อนนุช) – หมอชิต (17 กม. 17 สถานี) ซึ่งรวมสถานีร่วมสำหรับเปลี่ยนสายสีลมที่สถานีสยามด้วย
2. สายสีลม (สายที่ 2) เริ่มจากสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน (สะพานสาธร) ฝั่งกรุงเทพฯ – สนามกีฬาแห่งชาติ (6.5 กม. 7 สถานี ซึ่งรวมสถานีร่วมสำหรับเปลี่ยนสายสุขุมวิทที่สถานีสยามด้วย
ลักษณะการให้บริการของรถไฟลอยฟ้า
-ครอบคลุมพื้นที่หลักๆของกรุงเทพฯ -ให้บริการได้มากกว่า 1,000 คน/ขบวน
-ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน วิ่งบนทางคู่ยกระดับ -ความกว้างของราง 1.453 เมตร
-มีรางป้อนกระแสไฟฟ้าอยู่ด้านข้าง -บริการตั้งแต่ 06.00-24.00 น. ทุกวัน
ค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS มี 4 แบบ:
-บัตรเที่ยวเดียว (10-40 บาท) เดินทางครั้งเดียวระหว่าง 2 สถานี
-บัตรเติมเงิน (ราคา 100 บาท โดยรวมค่ามัดจำ 30 บาท) ใช้ได้ 2 ปี
-บัตร 30 วัน (สำหรับนักเรียน และบุคคลทั่วไป มีหลายราคา)
-บัตร 1 วัน (100 บาท) เดินทางใน 1 วัน ไม่จำกัดเที่ยว&ระยะทาง
-มีบริการรถรับส่งสำหรับบัตร 30 วันและบัตรเติมเงิน
ลักษณะการลงทุนของBMCLเป็นการลงทุนร่วมระหว่าง 3 กลุ่มทุนขนาดใหญ่ของประเทศ ได้แก่
-กลุ่มธนาคารพาณิชย์ -กลุ่มแนชเชอรัลพาร์ค -กลุ่ม ช. การช่าง
รฟม. รับผิดชอบ 4 โครงการดังนี้
-โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายรัชมงคล (หัวลำโพง-บางซื่อ) ระยะทาง 20 กม.
-โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) 13.8 กม.
-โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-สะพานพระนั่งเกล้า) ระยะทาง 11.6 กม.
-โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางกะปิ-ราษฎร์บูรณะ) 34.6 กม.
-รวมระยะทางทั้งสิ้น 80 กม.
***การปฎิวัติ 19 ก.ย. 2549ส่งผลกระทบการกู้เงินเจบิก
Airport Link Magasan -Suvarnabhum
• ทดสอบ 25 มกราคม 52
• ใช้เวลา 15 นาที
• วิ่งจริง 12 สิงหาคม 2552
รถไฟฟ้าใต้ดินในต่างประเทศ
-UKมีรถไฟใต้ดินเป็นประเทศแรกในโลกที่London เมื่อปี พ.ศ. 2406 ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไอน้ำ ปัจจุบันใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม
-ใน USA ที New York มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมากที่สุดในโลก (รวมทั้งสิ้น 469 สถานี) และแต่ละวันจะมีผู้โดยสารประมาณ 5 ล้านคน
โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินที่เปิดให้บริการสายแรก คือ
***สายเฉลิมรัชมงคล (มี 18 สถานี) เริ่มจาก บางซื่อ-หัวลำโพง ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 30 นาที และสามารถต่อรถไฟฟ้า BTS ได้ 3 จุดด้วยกันคือ สถานีสีลม สุขุมวิท และ สวนจตุจักร
บัตรโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน: มี 2 แบบ
· บัตรโดยสารเที่ยวเดียว เป็นเหรียญพลาสติคสีดำ (ขนาดประมาณ เหรียญ 10 บาท) มีหลายราคา
· บัตรโดยสารหลายเที่ยว เป็นบัตรคล้ายบัตร ATM (แลก 300 บาท จะเป็นค่ามัดจำ 50 บาท และ 250 บาทที่เหลือเป็นค่าโดยสาร) สามารถเติมเงินได้
นอกจากนี้ ยังมีที่จอดรถ เป็นตึก 9 ชั้นที่บริเวณสถานีลาดพร้าว Park and Ride (จอดแล้วจร) สามารถจอดได้ประมาณ 2,200 คัน
สรุป
การขนส่งผู้โดยสารทางรถไฟ เป็นการเคลื่อนย้ายคนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยอาศัยโบกี้รถไฟมาต่อพ่วงกันและใช้หัวรถจักรลากจูงข้อดีของการเดินทางโดยรถไฟคือ ปลอดภัย ขนส่งได้มาก ไม่รีบเร่งนัก ส่วนข้อเสียคือ ช้า ไม่อาจบริการแบบ Door-to-Door ได้และ การลงทุนสูง ฯลฯ
องค์ประกอบการขนส่งทางรถไฟ ได้แก่ 1) ผู้ประกอบการ 2) ขบวนรถไฟ 3) เส้นทาง/รางรถไฟและ 4) สถานีรถไฟ
รูปแบบการให้บริการ ประกอบด้วย การให้บริการในเมือง และ ระหว่างเมือง เป็นต้น
*************************************************************************************************************************