วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จตุรัสแดง ประเทศรัฐเซีย



                                                      









ข้อมูลทั่วไป: ประเทศรัสเซีย หรือ สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation) มีกรุงมอสโก (Moscow) เป็นเมืองหลวงของประเทศ


ที่ตั้ง: รัสเซียเป็นประเทศที่มีอาณาบริเวณตั้งแต่ทางตะวันออกของ ทวีปยุโรป ไปจนถึงทางเหนือของทวีปเอเชีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับ 14 ประเทศ ทั้งยังเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (มีขนาดเป็นสองเท่าของอันดับสอง คือ ประเทศแคนาดา) แต่เดิมประเทศรัสเซียเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงเป็นประเทศมีอิทธิพลที่สุดของโซเวียตอีกด้วย


ภาษาที่ใช้: ภาษาทางราชการ คือ ภาษารัสเซีย และใช้ภาษาอังกฤษ กับภาษาเยอรมันในการติดต่อทางธุรกิจ ส่วนในแต่ละรัฐ ก็จะใช้ภาษารัสเซีย และภาษาท้องถิ่นของตนเองเป็นภาษาราชการ


สภาพอากาศ: เขตภูมิอากาศที่มีความหลากหลาย และแตกต่างระหว่างกันอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศรัสเซียมีฤดูหนาวที่ยาวนาน อากาศหนาวจัด รวมทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ถูกปกคลุมด้วยหิมะเป็นเวลานานถึง 6 เดือนกันเลยทีเดียวนอกจากนี้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อทางธุรกิจและราชการกับชาวรัสเซียคือ ตั้งแต่เดือน กันยายนถึงกลางเดือนธันวาคม และกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมิถุนายน ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวของคนไทยคือ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม


ความแตกต่างของเวลา: ประเทศรัสเซียมีความแตกต่างของเวลาระหว่างตะวันตกและตะวันออก 11 เขตเวลาโดยเวลาของกรุงมอสโกจะช้ากว่าเวลาของกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ชั่วโมงในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม และจะช้ากว่าบ้านเรา 4 ชั่วโมงในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมเพราะฉะนั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่าลืมปรับเวลาที่นาฬิกาของท่าน เมื่อเดินทางถึงเมืองมอสโกด้วย


ค่าเงิน : และการธนาคาร: รัสเซียใช้เงินสกุล รูเบิล (ruble: RUR)  โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 RUR เท่ากับประมาณ 1.40 บาทไทย


การเดินทาง: ถ้านักท่องเที่ยวต้องการเดินทางจากไทยเข้าสู่รัสเซีย มีจุดเดินทางเข้าประเทศอยู่ 3 แห่งด้วยกันนะคะ คือ ที่กรุงมอสโก (Moscow) นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg) และเมืองวลาดิวอสต๊อก (Vladivostok)  ท่านอาจเลือกโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางเข้าไปยังจุดเข้าประเทศต่างๆ ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทางของท่านเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องเดินทางไปรัสเซียฝั่งยุโรป ควรต้องเข้ารัสเซียทางกรุงมอสโก หรือ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยใช้เส้นทางกรุงเทพ-มอสโก แต่หากผู้เดินทางมีธุระกับรัสเซียฝั่งเอเชีย ขอแนะนำให้บินจากกรุงเทพฯ เข้าประเทศที่เมือง วลาดิวอสต๊อก ได้เลยนะคะ แล้วจึงต่อเครื่องบินของสายการบินภายในประเทศ ไปยังเมืองปลายทางของท่านได้โดยไม่อ้อมและเสียเวลาด้วย
ส่วนการเดินทางภายในเมืองนั้น ประเทศรัสเซียมีรถยนต์โดยสาร รถไฟใต้ดิน รถรางไฟฟ้า ส่วนรถแท็กซี่มีจำนวนน้อยและมีราคาค่อนข้างแพง


ระบบโทรศัพท์: รหัสโทรศัพท์ของประเทศรัสเซียคือ +7 หากนักท่องเที่ยวต้องการโทรศัพท์ไปต่างประเทศ: กด 8 รอสัญญาณ ตามด้วย 10 + รหัสประเทศ + รหัสเมือง + หมายเลขที่ต้องการโทรออก


หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ: 1. ไฟไหม้: 01
2. ตำรวจ: 02
3. รถพยาบาล: 03
4. โรงพยาบาล: American Medical Center 933 7700 European Medical Center 956 7999, 251 6099
5. บัตรเครดิตหาย: 755 9001 (American Express), 956 3556 (Visa, Masters, Diners)
6. เรียกแท็กซี่: Central Moscow Bureau 927 0000-9



       ข้อแนะนำพิเศษ: ในกรุงมอสโกและเมืองใหญ่ๆ มักจะมีกลุ่มมิจฉาชีพ ส่วนมากเป็นคนเชื้อสายยิปซี จึงควรระมัดระวังรักษาทรัพย์สินของท่านทั้งในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวและตามที่สาธารณะทั่วไปด้วย

แหล่งช้อปปิ้ง: สถานที่ช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึกจากประเทศรัสเซียอยู่ที่ ถนนคนเดิน อารบัท สตรีท เช่น ตุ๊กตามาทรอชก้า หรือตุ๊กตาแม่ลูกดก แต่ถ้าต้องการสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของยุโรปยี่ห้อต่างๆ ต้องไปที่ห้างสรรพสินค้ากุม (GUM)

                            


อาหารท้องถิ่น: อาหารที่เป็นที่นิยมของชาวรัสเซียนจะเป็นพวก ซุปกะหล่ำแบบดั้งเดิม (Shchi) ซุปบีทรูท (Borsch) สลัดมันฝรั่ง (Stilichnii) สตูว์หมู (Azu) เนื้อตุ๋นในครีมเข้มข้น (Beef Stroganoff) ฯลฯ หรือจะไปลิ้มลองอาหารแบบคอเคซัสตามร้านอาหาร หรือภัตตาคารภายในที่พักในรัสเซีย อาทิ อาหารจอร์เจียน อาหารอาร์เมเนียน และอาหารอัสซูเรียน (อาเซอร์ไบจัน) ที่โดดเด่นด้วยรสชาติเผ็ดร้อนแบบตะวันออก อาหารจานเด็ดของเขาได้แก่ เนื้อแกะ และ เนื้อปลาสเตอร์เจียน สำหรับอาหารแป้งประจำชาติของรัสเซียก็คือ แพนเค้ก แพนเค้กที่นี่เป็นได้ทั้งของคาวและของหวานเลย  ถ้าเป็นของหวานจะมีเอกลักษณ์ตรงแป้งที่เหนียวนุ่มและมีไส้อยู่ข้างใน ซึ่งมีไส้ให้ท่านได้เลือกชิมอย่างหลากหลาย ส่วนอาหารที่แพงที่สุดของประเทศคือ คาเวียร์ หรือไข่ดำจากปลาสเตอร์เจี้ยน นิยมโปะหน้าแพนเค้กกันหากท่านมีโอกาสอย่าลืมไปแวะชิมให้ได้



ที่พักที่น่าสนใจในมอสโก

Ararat Park Hyatt Hotel


ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง Ararat Park Hyatt Hotel จึงเป็นโรงแรมที่ผู้มาพักสามารถเดินทางไปยังย่านธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของ มอสโก ได้โดยง่ายห้องพักทุกห้องในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่คาดว่าจะได้รับจากโรงแรมระดับนี้เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้เข้าพักห้องพักแต่ละห้องได้รับการตกแต่งไว้อย่างมีรสนิยมด้วย ห้องปลอดบุหรี่, เครื่องปรับอากาศ, หนังสือพิมพ์รายวัน, โทรทัศน์, อ่างอาบน้ำ, ฝักบัว, มินิบาร์โรงแรมใน มอสโก ที่งดงามแห่งนี้ได้เตรียม รูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง, ห้องพักชั้นพิเศษ, ลิฟท์, บริการซักรีด/ซักแห้ง, ห้องประชุม, รูมเซอร์วิส ไว้เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้เข้าพักทุกท่านโรงแรมแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการผสมผสานสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในสภาพแวดล้อมแบบดั้งเดิมของ มอสโก จึงทำให้โรงแรมแห่งนี้มีความโดดเด่น

 


Golden Apple Boutique Hotel

Golden Apple Boutique Hotel ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเลิศสำหรับผู้ที่เดินทางมาพักผ่อนและทำธุรกิจใน มอสโกห้องพักทุกห้องในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่คาดว่าจะได้รับจากโรงแรมระดับนี้เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้เข้าพักห้องพักแต่ละห้องได้รับการตกแต่งไว้อย่างมีรสนิยมด้วย ห้องปลอดบุหรี่, เครื่องปรับอากาศ, เสื้อคลุมอาบน้ำ, หนังสือพิมพ์รายวัน, ภาพยนตร์ชมในห้องพัก, โต๊ะเขียนหนังสือ, เครื่องเป่าผม, ที่รองรีดโรงแรมแห่งนี้ใน มอสโก ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่คุณคาดว่าจะได้รับจากโรงแรมในระดับนี้แขกที่เข้าพักจะได้พบกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการกีฬาและการพักผ่อนที่แสนทันสมัยเช่น จาคุซซี, ห้องฟิตเนส, ซาวน่าโรงแรมได้สร้างความสมดุลระหว่างวัฒนธรรมอันมั่งคั่งกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
Golden Ring Hotel

ค้นพบทุกสิ่งที่ มอสโก จะสามารถให้ได้โดยเริ่มต้นที่ Golden Ring Hotel โรงแรมมีการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากมายในห้องพักที่ได้รับการตกแต่งไว้เป็นอย่างดีจำนวน 293 ห้องและทั่วทุกแห่งในโรงแรมห้องพักแต่ละห้องของโรงแรมมี ห้องปลอดบุหรี่, เครื่องปรับอากาศ, เสื้อคลุมอาบน้ำ, เครื่องเป่าผม, อินเทอร์เน็ต, ตู้เซฟในห้องพัก ให้แขกที่พักอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ใน มอสโก สามารถเพลินเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมที่หลากหลายเช่น รูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง, ร้านค้า, ลิฟท์, บาร์/ผับ, บริการซักรีด/ซักแห้ง, ห้องประชุมเพื่อให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลาย ทางโรงแรมได้จัดการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายไว้ให้ ซึ่งรวมถึง บริการนวด, จาคุซซี, ห้องฟิตเนส, ซาวน่า, สปาโรงแรมได้สร้างความสมดุลระหว่างวัฒนธรรมอันมั่งคั่งกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
                          

จัตุรัสแดง (Red Square) แห่ง กรุงมอสโก ตั้งอยู่กลางใจเมืองของ มอสโค ประเทศรัสเซีย จัตุรัสแดง หรือที่เรียกภาษารัสเซียว่า คราสนายา ปลอซซาดเป็นจตุรัสที่สวยงามที่สุดในโลก เป็นสถานที่เก็บศพเลนิน ศาสดาของประเทศสังคมนิยม สร้างด้วยหินแกรนิต และหินอ่อน นับล้านชิ้นตอกลงบนพื้นจนกลายเป็นลานหินโมเสก เป็นพื้นที่ลานกว้าง


"จัตุรัสแดง" (Red Square) ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของกรุงมอสโก ตั้งอยู่กลางใจเมืองของมอสโก ประเทศรัสเซีย ทางด้านหน้าจัตุรัสแดงนั้น เป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย สังเกตุได้จากที่พื้นถนนจะมีสัญลักษณ์เป็นวงกลม และภายในวงกลมนี้เองก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปยืนกลางวงกลมนั้นและโยนเศษเหรียญข้ามไหล่ตัวเองไปด้านหลังเพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาที่มอสโกอีกครั้ง
                                                                      
          
 ชื่อของจัตุรัสแดงอาจจะฟังดูแล้วนึกถึงการนองเลือด แต่จริงๆ แล้วคำว่าจัตุรัสแดงนั้นก็หมายถึงความสวยงาม ความดีงามเท่านั้นลานกว้างของจัตุรัสแดงนี้มีพื้นที่กว้าง 695 เมตร ยาว 130 เมตร ทำหน้าที่เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ต่างๆ ของรัสเซียมาหลายยุคหลายสมัย คล้ายๆ กับสนามหลวงของไทย ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีต่างๆ ของประเทศ เช่น การสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพรัสเซียในโอกาสต่างๆ รวมไปถึงการชุมนุมเรียกร้องเดินขบวนของประชาชนด้วยเช่นกัน บริเวณจัตุรัสแดงยังประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รายรอบอีกมากมาย เช่น พระราชวังเครมลิน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รัสเซีย และห้างสรรพสินค้า GUM (ห้างกุม)

                                                        

                                          
                                           

                                          

                                           




             
             จตุรัสแดงเป็นสถานที่ประกาศข่าวต่อสาธารณะชน และที่ประหารชีวิตทางด้านทิศใต้หน้าวิหารเซนต์บาซิล มีแท่นหินรูปกลมยกพื้นขึ้น มีชื่อว่า " Lopnoe Mesto " เป็นแท่นที่ประทับของพระเจ้าซาร์และนักบวชเพื่อพบกับประชาชนและปราศรัยกับฝูงชนที่เข้ามาเฝ้า
                                                     
                                                       

                  สีแดง หรือ ดราสนายา ในภาษารัสเซียหมายถึง ความงาม สีแห่งโชคลาภ ความมั่นคง ร่ำรวย ชัยชนะ จตุรัสแดง หรือที่เรียกภาษารัสเซียว่า "คราสนายา ปลอซซาด" เป็นจตุรัสที่สวยงามที่สุดในโลก เป็นสถานที่เก็บศพเลนิน ศาสดาของประเทศสังคมนิยม สร้างด้วยหินแกรนิต และหินอ่อน นับล้านชิ้นตอกลงบนพื้นจนกลายเป็นลานหินโมเสก เป็นพื้นที่ลานกว้าง ซึ่งมีบางท่านได้เปรียบเทียบว่า ลานจตุรัสแดงที่กว้างขนาดนี้ คล้ายท้องสนามหลวง จตุรัสแดงนั้นไม่ได้มีความสำคัญแค่ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเท่านั้น หากเพียงแต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของชนชาติเผ่าพันธุ์ คือ ศูนย์รวมทางจิตวิญญาณทั้งมวลของชาวรัสเซีย ที่ได้มีบทบาทและส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงที่ยื่งใหญ่และสำคัญของบ้านเมือง เกือบจะทุกครั้ง คือความทรงจำที่ผ่านมารุ่นต่อรุ่นที่ชาวรัสเซียสัมผัสได้

                                

                                          



ประวัติ
จัตุรัสแดงถูกตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ภายใต้พระราชโองการของพระเจ้าอีวานมหาราช การสร้างจัตุรัสแดงนี้มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลินโดยการสร้างพื้นที่นอกกำแพงวังสำหรับใช้ยิงเพราะตำแหน่งที่จัตุรัสแดงตั้งอยู่นั้นขาดแนวป้องกันทางธรรมชาติ โดยพื้นที่ของจัตุรัสแดงในสมัยนั้นถือเป็นศูนย์กลางของการค้าขาย ต่อมาในสมัยของพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 มหาวิหารเซนต์เบซิล มหาวิหารที่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจัตุรัสแดงในปัจจุบันก็ได้ถูกสร้างขึ้น หลังจากนั้นจัตุรัสแดงก็ถูกปรับปรุงพื้นที่เรื่อยมา จนกระทั่งหลังจากการรุกรานของฝรั่งเศสโดยนโปเลียน มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น อาคารบางหลังและสิ่งปลูกสร้างสำหรับการค้าขายซึ่งถูกไฟไหม้ได้ถูกรื้อถอนออกและมีการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นแทน อาทิเช่น รถราง การประดับด้วยโคมไฟ ห้างสรรพสินค้า GUM เป็นต้น
สมัยสหภาพโซเวียต จัตุรัสแดงใช้เป็นที่สำหรับการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารสำหรับวันเมย์เดย์, วันแห่งชัยชนะ และการปฏิวัติเดือนตุลาคม การเดินขบวนที่เด่น ๆ มีอยู่ 2 เหตุการณ์คือการเดินขบวนในปี ค.ศ. 1941 ซึ่งในเวลานั้น สหภาพโซเวียตกำลังถูกรุกรานโดยนาซีเยอรมนี ทหารที่มาเดินขบวนนั้น หลังเสร็จสิ้นการเดินขบวนก็ถูกส่งตรงจากจัตุรัสแดงไปแนวหน้าทันที และอีกครั้งคือการเดินขบวนใน ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นการเดินฉลองชัยชนะหลังจากที่นาซีเยอรมนียอมแพ้ต่อสหภาพโซเวียตแล้ว
ต่อมาในปัจจุบัน จัตุรัสแดงถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดแสดงของศิลปินและวงดนตรีชื่อดังหลายกลุ่มเช่น ชากีรา วงสกอร์เปียนส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 รัสเซียได้ประกาศว่าจะกลับมาเดินขบวนอีกครั้งและในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ก็ได้มีการเดินขบวนเป็นครั้งแรกหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ล่าสุดในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของการยอมรับความพ่ายแพ้ของเยอรมนีกองทหารจากฝรั่งเศส โปแลนด์ และสหราชอาณาจักรได้ร่วมกันเดินสวนสนามในวันแห่งชัยชนะที่มอสโกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สิ่งมหัศจรรย์ในยุโรป














ชื่อสถานที่     หอนาฬิกาบิกเบน  : Big Ben Clock Tower
สถานที่ตั้ง     กรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ
ปัจจุบัน       สามารถเข้าเยี่ยมชมได้


หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Clock Tower, Palace of Westminster) หรือรู้จักดีในชื่อ บิ๊กเบน เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกานี้ถูกสร้างหลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 โดยชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ หอนาฬิกามีความสูง 96.3 เมตร โดยที่ตัวนาฬิกาอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (victorian gothic)
หลายคนเข้าใจว่าบิกเบนเป็นชื่อหอนาฬิกาประจำรัฐสภาอังกฤษ แต่แท้ที่จริงแล้ว บิกเบนเป็นชื่อเล่นของระฆังใบใหญ่ที่สุด หนักถึง 13,760 กิโลกรัม ซึ่งแขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา ทั้งนี้มีระฆังรวมทั้งสิ้น 5 ใบ โดย 4 ใบจะถูกตีเป็นทำนอง ส่วนบิกเบนจะถูกตีบอกชั่วโมงตามตัวเลขที่เข็มสั้นชี้บนหน้าปัดนาฬิกา ทว่าคนส่วนใหญ่กลับใช้ชื่อบิกเบนเรียกตัวหอทั้งหมด
มีความสูงทั้งหมด 96.3 เมตร โดยในช่วง 61 เมตรแรก เป็นอาคารก่อด้วยอิฐ บุด้วยหิน ส่วนที่สูงจากนั้นเป็นยอดแหลมทำด้วยเหล็กหล่อ ตัวหอตั้งอยู่บนฐานกว้าง 15 เมตร ยาว 15 เมตร หนา 3 เมตร อยู่ใต้ดินลึก 7 เมตร ตัวหอทั้งหมดหนักโดยประมาณ 8,667 ตัน หน้าปัดนาฬิกาทั้งสี่ด้านอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร เนื่องจากสภาพดินในขณะที่มีการก่อสร้างหอ ทำให้ตัวหอค่อนข้างเอนไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 220 มิลลิเมตร
        นาฬิกาบิกเบนในกรุงลอนดอนเป็นนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดของโลกเพราะหอดูดาวที่เมืองกรีนิช ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมเวลามาตรฐานของโลกใช้เป็นเครื่องบอกเวลามาตรฐานผ่านทางสถานีวิทยุ บีบีซี ถ่ายทอดเสียงการตีบอกเวลาของนาฬิกาเรือนนี้ ให้ได้ยินไปทั่วโลก
        นาฬิกาบิกเบน ตั้งอยู่บนหอสูง 180 ฟุต มีบันไดขึ้นไป 293 ขั้น หน้าปัดกว้าง 23 ฟุต ตัวเลขบอกเวลายาว 24 นิ้ว ระฆังตีหนัก 14 ตัน เดินด้วยกำลังเครื่องจักรไฟฟ้า ผู้สร้างคือ เอ็ดมัน เมคเกตต์ เดนิสัน เป็นนักกฎหมายที่มีชื่อแต่เวลาตั้งชื่อกลับไปได้นามเป็นชื่อ "Big Ben" ตามสมญานามเรียกล้อเล่นของนาย เบนจามิน ฮอลล์ ผู้แทนราษฎรที่มีร่างอ้วนเหมือนหมู จนเพื่อนให้ชื่อว่า "บิกเบน" โดยที่เขายืนขึ้นอภิปรายการตั้งชื่อเสียยืดยาว พอจบลงเพื่อน ๆ ก็ตะโกนกันว่า "บิกเบน,บิกเบน....." ที่ประชุมพอใจในคำนี้ นาฬิกาเรือนใหญ่และสำคัญที่สุดในโลกจึงได้ชื่อว่าบิกเบนไปด้วย



วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดท้ายบท

แบบฝึกหัดท้ายบท

แบบฝึกหัด บทที่ 1

1. ข้อใดไม่ถูกต้อง

ตอบ ค.มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ในแง่ของอารมณ์และความรู้สึกทางธรรมชาติ



2. การที่สังคมมีความซับซ้อนและมีความเจริญทางวัตถุเกิดจากปัจจัยสำคัญข้อใด

ตอบ ง.สัญชาตญาณ



3. ข้อใดถูกต้องที่สุดเมื่อกล่าวถึงการศึกษางานศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในโลกตะวันตก

ตอบ ง.ภาพเขียนสีถ้ำลาสโคซ์



4. คำว่ามนุษย์ถนัดในการใช้มือตรงกับข้อใดมากที่สุด

ตอบ ก.โฮโมฮาบิลิส



5. ข้อใดเป็นมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่งในยุโรปซึ่งทิ้งผลงานศิลปะไว้มากมายในถ้ำต่างๆ

ตอบ ข.โครมันยอง



6. ข้อใด มิใช่ แหล่งโบราณคดีซึ่งพบหลักฐานภาพเขียนสีสมัยหินเก่าอายุประมาณ 30,000 – 25,000 BC.ในยุโรป

ตอบ ค.โอลดูเวย์



7. ข้อใดเป็นศิลปะถ้ำซึ่งพบโดยบังเอิญจากการเล่นซุกซนของเด็กสองคนเมื่อค.ศ.1940

ตอบ ข. ลาสโคซ์



8. ภาพเขียนสีในถ้ำอะไรมักถูกยกเป็นตัวอย่างของจิตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์เสมอ

ตอบ ก. อัลตามีรา



9. ข้อใดไม่ถูกต้อง

ตอบ ง. งานประติมากรรมรูปคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มักมีขนาดใหญ่



10. Menhir or Standing Stone เป็นอนุสาวรีย์หินแบบใด

ตอบ ข. หินตั้งเดี่ยว





แบบฝึกหัด บทที่ 2



1. พื้นฐานดั้งเดิมก่อนเกิดอารยธรรมตะวันตกก่อนตัวขึ้นเมื่อใด

ตอบ ก. ประมาณ 4,000 BC.



2. ภูมิภาคแถบเอเชียไมเนอร์เป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมโบราณในข้อใด

ตอบ ก. เมโสโปเตเมีย



3. แม่น้ำไทกริส-ยูเฟรตีสพัดดินตะกอนมาท่วมสองฝั่งภาคใต้ดินแดนเมโสโปเตเมียในฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือน

......................ทำให้ภาคใต้เป็นดินแดนที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเลอุดมด้วยปุ๋ยธรรมชาติเหมาะต่อการเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารต่างๆ ข้อใดถูกต้อง

ตอบ ข. มีนาคม – พฤษภาคม



4. พื้นที่ภาคเหนือของดินแดนเมโสโปเตเมียมีฝนตกชุกเมื่อใด

ตอบ ง. ฤดูใบไม้ผลิ



5. ข้อใดเป็นชนชาติเก่าแก่ที่ริเริ่มสร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นมา

ตอบ ก. ชาวสุเมอเรียน



6. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียมองโลกในแง่ร้ายและไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

ตอบ ค. เห็นตนเองเป็นทาสที่เกิดมาเพื่อรับใช้พระเจ้า



7. ชาวสุเมเรียนไม่นิยมสร้างพระราชวังขนาดใหญ่ แต่นิยมสร้างซิกเกอแรท (Ziggurats) ศาสนสถานขนาดใหญ่กลางเมืองเป็นที่ประทับของเทพเจ้า ลักษณะคล้ายภูเขาห้อมล้อมด้วยกำแพงเมืองและบ้านเรือนประชาชน สร้างจากวัสดุประเภทใด

ตอบ ก. อิฐตากแห้ง



8. ข้อใดเป็นการปกครองในระยะแรกของอาณาจักรสุเมอเรียน

ตอบ ง. สภาของผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ





9. ข้อใดเป็นอักษรที่เกิดจากการใช้ไม้เขียนลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วผึ่ง หรืออบให้แห้ง

ตอบ ก.คูนิฟอร์ม



10. ข้อใดเป็นชื่อของผู้ก่อนตั้งอาณาจักรบาบิโลเนีย

ตอบ ก.ฮัมบูราบี



11. “พวก Canaaites” เป็นคำเรียกชนชาติในข้อใด

ตอบ ก. ชาวฟินิเชียน



12. หลังจากถูกรุกรานโดยชาวยิวและชาวฟิลิสไตน์เมื่อประมาณ 1,300-1,000 BC. ดินแดนของชาวคะนาอันไนต์จึงเหลือเพียง “ฟินิเชียน” ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งแคบๆ ของทะเลอะไร

ตอบ ก. ทะเลเมดิเตอเรเนียน



13. ในปี750BC.ชนชาติใดได้เข้ามายึดครองดินแดนของชาวฟินิเชียนจนเกือบหมดเหลือเพียงอาณานิคมที่เมืองคาร์เธจเท่านั้น

ตอบ ก. ชาวแอสซิเรียน



14. ข้อใดเป็นต้นตระกูลของอักษรที่ชาวยุโรปใช้อยู่ในปัจจุบัน

ตอบ ค.อักษรฟินิเชียน



15. ชาวฮิบรูเป็นชนเผ่าเร่รอนในทะเลทรายเมื่อ 1,400 BC. มีMoses เป็นผู้นำสำคัญในการปลดแอกจากการเป็นทาสของชนชาติใด

ตอบ ข. อียิปต์



16. ข้อใดเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลเมื่อประมาณ1,013-973 BC.

ตอบ ก. พระเจ้าเดวิด



17. อาณาจักรอิสราเอลถูกทำลายโดยชนชาติใด

ตอบ ง. ชาวแอสซิเรียน



18. เหตุการณ์ที่เรียกกว่า The Babylonian Captivity เกี่ยวข้องกับชนชาติใด

ตอบ ข.ชาวฮิบรู



19. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับศสาสนายูดาย

ตอบ ข. นับถือพระยะโฮวา



20. ผู้สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียเมื่อปี 549 BC. คือใคร

ตอบ ง. พระเจ้าไซรัส



แบบฝึกหัด บทที่ 3



1. มหากาพย์อีเลียดและโอเดสซีเป็นของอารยธรรมกรีกยุคใด

ตอบ ก. ยุคมืด



2. วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานรูปเคารพของเทพองค์ใด

ตอบ ข. อะเธนา



3. หัวเสาทำเป็นรูปใบไม้ตรงกับข้อใด

ตอบ ค. หัวเสาแบบโครินเธียน



4. ความนิยมในการสร้างประติมากรรมหญิงเปลือยแทนรูปชายเปลือยเกิดขึ้นยุคใด

ตอบ ง. ยุคเฮเลนิสตติก



5. จิตรกรรมกรีกสมัยแรกมักทำ Back ground เป็นสีอะไร

ตอบ ข. สีแดง



6. ลักษณะงานจิตรกรรมที่นิยมวาดสีพื้นตัดกับภาพในฉาก แล้วพัฒนาเป็นรูปเครือเถา และรูปเล่าเรื่องนิทานปรัมปรา (Methology) และมหากาพย์ของโฮเมอร์อย่างกลมกลืนงดงามเกิดขึ้นยุดใด

ตอบ ค. ยุคคลาสสิค



7. การแสดงละครแพร่หลายมากในยุดใด

ตอบ ค. ยุคคลาสสิค





8. ข้อใดถูกต้องเมื่อกล่าวถึงละครแบบโศกนาฏกรรม (Tragedy) และสุขนาฏกรรม (Comedy)

ตอบ ก. ตัวละครชายทั้งหมด



9. นักปรัชญากรีกที่ก่อตั้งสำนักอะคาเดมีขึ้นที่เอเธนส์คือใคร

ตอบ ข. เพลโต



10. นักปรัชญาที่เชื่อว่าปัญญานำมาซึ่งความรู้ และความรู้นำมาซึ่งความสุขสบาย ถ้าปราศจากความสุขสบายมนุษย์จะไม่เกิดปัญญา คือใคร

ตอบ ค. อริสโตเติล



11. เทพองค์ใด มิใช่ พี่น้องของมหาเทพซูส

ตอบ ค. อะธีน่า



12. อาวุธของมหาเทพซูส คืออะไร

ตอบ ค. สายฟ้า



13. เทพที่มักปรากฏภายในลักษณะสวมหมวกขอบกว้างสวมรองเท้ามีปีกถือคทาที่มีงูพันคือใคร

ตอบ ค. เฮอร์มีส



14. เทพีแห่งการครองเรือนและเทพแห่งครอบครัว คือใคร

ตอบ ค. เฮสเทีย



15. เทพีแห่งสงคราม ความเฉลียวฉลาด และศิลปะศาสตร์

ตอบ ข. อะธีน่า



16. เป็นชนวนเหตุของสงครามกรุงทรอยคือใคร

ตอบ ง.อะโพรไดตี



แบบฝึกหัด บทที่ 4



1. การปกครองในข้อใดทำให้เกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire)

ตอบ ค. การปกครองแบบ Tretarchy



2. หลังจากเกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ ข้อใดเป็นรูปแบบการปกครองของจักรวรรดิดังกล่าว

ตอบ ก. การปกครองแบบ Autocrat



3. “โรมใหม่” หมายถึงข้อใด

ตอบ ค. คอนสแตนติโนเปิล



4. ข้อใด มิใช่ พื้นที่ของจักรวรรดิโรมันตะวันออกในคริสต์ศตวรรษที่ 7

ตอบ ค. คาบสมุทรไอบีเรีย



5. ข้อใดเป็นการปกครองที่จักรพรรดิทรงมีอำนาจสูงสุดทั้งทางจักรวรรดิและทางศาสนา

ตอบ ก. การปกครองแบบ Autocrat



6. จักรวรรดิโรมันตะวันออกใช้ภาษาอะไรในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ

ตอบ ก. ภาษากรีก



7. คริสต์ศาสนาแบบ Christian Hellenism มีศูนย์กลางที่ใด

ตอบ ง. กรุงคอนสแตนติโนเปิล



8. ข้อใด ไม่ ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่หลายของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์

ตอบ ง. ยุโรปตะวันตก



9. ข้อใด มิใช่ เมืองสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงจัดไว้เมื่อ ค.ศ. 325

ตอบ ก. เอเธนส์



10. ข้อใดไม่ ถูกต้อง

ตอบ ง. Novels คือ นิยายเรื่องยาว



แบบฝึกหัดบทที่ 5


1. ยุคกลาง (The Middle Age) หมายถึงยุคซึ่งอยู่ระหว่าง ความเจริญของโลกคลาสสิกกับความรุ่งเรืองของยุโรปสมัยใหม่
2. ศิลปะในสมัยยุคกลางตอนต้น (Early Middle Age) เรียกว่า   เป็นยุคแห่งความสำเร็จพวกนอร์ธแมน เป็นยุคแรกของสังคมศักดินา
3. ยุคกลางตอนปลาย (Lately Middle Age Art) เป็นยุคเสื่อมของ  สถาบันศาสนาและระบบศักดินา
4. ระบอบศักดินา ( Feudalism)  หมายถึง  ระบบการปกครองและโครงสร้างทางสังคมที่เน้นความสำคัญของกรรมสิทธิ์ที่ดิน
5. ยุคกลางสิ้นสุดลงเมื่อ  คริสโตเฟอร์   โคลัมบัส
6. Benefice ในสมัยกลาง  หมายถึง จารีตการยกที่ดินของวัดให้เอกชนเช่า  โดยรับค่าตอบแทน  คือ  แรงงานและการเป็นทหารหรือยกผลผลิตให้แก่วัด
7. Lord  หมายถึง  ขุนนางขั้นสูงซึ่งได้รับพราราชทานกรรมสิทธิ์ที่ดิน
8. พวก Crofter  and  Cotters  ในสมัยกลาง หมายถึง คนที่มีสถานภาพทางสังคมต่ำกว่าทาสติดที่ดิน  เพราะไม่มีที่ดินทำกิน
9. อำนาจของชนเผ่าเยอรมันมาจาก  การใช้คมหอก  สันปลายแคบและเครื่องมือเหล็ก
10. ชาวคริสต์เชื่อว่ากรุงโรมเป็นสถานที่ศักดิ์เพราะ    เป็นที่ฝังร่างของนักบุญปีเตอร์  สาวกของพระเยซู
11. วิหารพระเจ้าชาเลอมาญ  ( King  Chalemagn) ตั้งอยู่ที่เมือง   อาเดน   ประเทศเยอรมันนี
12. โบสถ์ All Saint Church ที่นอร์แธมตันไซร์ (Northamshire) ประเทศอังกฤษ เป็นโบสถ์แบบ
 แองโกล แซกซอน
13. สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ (Romanesque)  มีลักษณะเด่น  คือ  มีประตูหน้าต่างโค้งกลม  กำแพงหนา  กระเบื้องปูพื้นขนาดใหญ่  บานหน้าต่างเล็กและเรียวยาว
14. มหาวิหารดูแรห์ม (Dohram)  มีลักษณะเด่น คือ  การนำซุ้มโค้งแบบไชว้มาใช้เป็นครั้งแรก
15. จุดเด่นของสถาปัยกรรมกอธิก  (Gothic)  คือ   การใช้เสาค้ำยันจากภายนอกและการใช้เสาหิน
16. ใครเป็นผู้เขียนวรรณกรรมเรื่อง  The  City  of  God   นักบุญ  Augustin
17. มหากาพย์เรื่อง  Chanson  de  Roland  สะท้อนให้เห็นคุณธรรมด้าน   ความกล้าหาญ  อุดมการณ์  จริยธรรม   ความเสียสละและศรัทธาในศาสนาคริสต์
18. นิยายเพ้อฝันสมัยกลางเป็นเรื่องเกี่ยวกับ   ความรักเกี่ยวกับหนุ่มสาว  ความจงรักภักดีของ  Vassal  ที่มีต่อ  Lord  เวทมนต์คาถา  และเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์   นิยมกันมาก  คือ สงครามโทรจันสมัยกรีก  อเล็กซานเดอร์มหาราช  กษัตริย์อาร์เธอร์
19. The  Idea  of  Chivalry  หมายถึง   การแสวงหาความรัก  เทิดทูนบูชาต่อสตรีสูงศักดิ์
20. Canterberry  Tales  คือ   นิยายเสียดสีสังคมที่มีชื่อเสียง   เป็นเรื่องของการเดินทางจาริกแสวงบุญ